“พี่ เกษม” ยืนหนึ่งแดนกลาง คาเซมิโร่: หัวใจของ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด – และตัวอย่างที่ทีมต้องการ

1. ฟอร์มยอดเยี่ยม:ยิง–จ่าย ช่วยทีมคืนชีพ

ฤดูกาลนี้ คาเซมิโร่ทำได้ 2 ประตู + 1 แอสซิสต์ ให้แมนฯ ยูไนเต็ดในพรีเมียร์ลีก ซึ่งตัวเลขนี้เป็นสถิติที่โดดเด่นในทีม ณ เวลานี้ (แม้จะยังไม่ถึงจุดสูงสุดของซีซั่น) โดยสถิติจาก StatMuse แจ้งว่าเขา “2 ประตูและ 1 แอสซิสต์ จาก 8 เกม เริ่มตัวจริง 7 เกม” 
ในเกมล่าสุดที่แมนฯ ยูไนเต็ดชนะ ไบรท์ตัน แอนด์ โฮฟ อัลเบี้ยน 4-2 นั้น เป็นครั้งแรกในรอบเวลาหนึ่งที่เขา “ยิงและจ่ายในเกมเดียวกัน” ซึ่งส่งผลให้ทีมกลับมาเก็บชัยและเรียกความเชื่อมั่นกลับมาได้

2. ตัวจริงอย่างต่อเนื่อง – ผลถูกต้อง

ฤดูกาลนี้ คาเซมิโร่ถูกส่งลงเป็นตัวจริงถึง 7 นัด ในพรีเมียร์ลีก จากเกมส์เล่นทั้งหมด ซึ่งเมื่อเขาเริ่มตัวจริง ทีมชนะถึง 5 นัด (ตามที่ระบุในเนื้อหาต้นทาง)
นอกจากนี้ หากวิเคราะห์จากข้อมูลแฟนบอล มีความเห็นว่า:

นั่นหมายความว่าเขาแทบจะเป็น “แกนกลางที่ขาดไม่ได้” สำหรับแผงกลางของ แมนฯ ยูไนเต็ด ภายใต้การคุมทีมของ รูเบน อาโมริม

3. กลับไปทีมชาติอย่างยิ่งใหญ่

นอกจากบทบาทในสโมสรแล้ว คาเซมิโร่ยังกลับมายึดตัวจริงในทีมชาติ บราซิล อีกครั้ง หลังหลุดจากสารบบไปนานเกือบ 2 ปี และล่าสุดถูกเรียกคืนโดยโค้ช คาร์โล อันเชล็อตติ พร้อมได้รับบทบาท “กัปตันทีม” อีกด้วย
การกลับมาครั้งนี้ไม่ได้แค่กลับมาเป็นสมาชิกทีม แต่เป็นสัญลักษณ์ว่าเขายังได้รับความไว้วางใจในระดับสูง แม้จะอยู่ในวัย 33 ปี

4. เป็นต้นแบบในสนามและห้องแต่งตัว

อาโมริมได้กล่าวถึง คาเซมิโร่ว่า “เขาคือนักเตะต้นแบบ และตัวอย่างอันยอดเยี่ยมของนักเตะทั้งทีม” โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อทีมไม่มีโปรแกรมกลางสัปดาห์มากนัก ทำให้ไม่มีการเสียพลังงานมากเกินไป ซึ่งน่าจะเป็นหนึ่งในเหตุผลที่ฟอร์มของเขาดูดีขึ้นเรื่อยๆ
การที่เขาดู “ฟิตเต็มถัง” หลังเริ่มฤดูกาล 2 เดือน แสดงให้เห็นว่าเขามีวินัยทั้งร่างกาย และจิตใจ พร้อมเป็นแกนนำในห้องแต่งตัว

5. ค่าจ้างและสถานะในสโมสร

ปัจจุบัน คาเซมิโร่คือผู้เล่นที่ได้รับค่าเหนื่อยสูงสุดในทีมแมนฯ ยูไนเต็ด โดยได้รับประมาณ £350,000 ต่อสัปดาห์ (ราว £18.2 ล้านต่อปี)
ซึ่งในทางหนึ่งสะท้อนถึงระดับความคาดหวังที่สโมสรมีต่อเขา แต่ในอีกทางหนึ่งก็นำมาซึ่งคำถามว่า “สโมสรกำลังลงทุนอย่างคุ้มค่าหรือไม่?” ภายใต้ยุทธศาสตร์ของกลุ่มทุน INEOS ที่ประกาศเรื่องลดเพดานค่าจ้างและใช้ผู้เล่นที่อายุน้อยกว่า

6. ทางเลือกอนาคต: ใช้เต็มประสิทธิภาพ…หรือหาทายาท?

แม้คาเซมิโร่จะยังเป็นตัวหลัก แต่ด้วยอายุที่เข้าวัย 33 ปี และนโยบายของสโมสร ที่ต้องการลดค่าจ้างและขยับเข้าสู่ยุคใหม่ด้วยผู้เล่นอายุน้อย (26 ปีขึ้นไป) จึงมีข้อท้าทายว่า แมนฯ ยูไนเต็ดอาจต้องเริ่มมองหาผู้เล่นหมายเลข 6 (ตัวรับกลาง) รุ่นใหม่ เช่น อดัม วอรัตตัน, เอลเลียตต์ แอนเดอร์สัน หรือ การ์ลอส บาเลบา และอาจได้เห็นการเสริมในตลาดฤดูหนาว (มกราคม 2026) เพื่อเตรียมทดแทนในฤดูกาลสุดท้ายของ “พี่เกษม” กับทีม

ถ้าแมนฯ ยูไนเต็ดอยากใช้เขาอย่างเต็มประสิทธิภาพในฤดูกาลสุดท้าย สโมสรก็ควรยอม “รุกตลาด” เพื่อหาตัวแทนทัน แล้วค่อยหมุนเวียนใช้งานคู่กันไป

คาเซมิโร่กลับมาในบทบาทที่ครบถ้วนทั้งในสโมสรและทีมชาติ:

  • ยิง + จ่ายให้แมนฯ ยูไนเต็ดได้แล้วในฤดูกาลนี้
  • เป็นตัวจริงและช่วยให้ทีมชนะในหลายเกม
  • กลับไปทีมชาติบราซิลและได้รับการไว้วางใจอีกครั้ง
  • เป็นผู้นำและตัวอย่างในทีม
  • แต่ตอนเดียวกันก็เป็นผู้เล่นที่มีค่าจ้างสูงสุดในทีม – ซึ่งนำมาซึ่งคำถามอนาคต



🎉 สมัครสมาชิกวันนี้!
🌟 ลุ้นรับสิทธิพิเศษและร่วมสนุกกับกิจกรรมดีๆ มากมาย
📲 คลิกที่นี่เลย 👉 https://line.me/R/ti/p/@pz99

Post a Comment

ใหม่กว่า เก่ากว่า