อีกแล้ว…อีกครั้ง…และอีกหลายครั้งที่แอนฟิลด์เต็มไปด้วยเสียงเฮลั่นหลังจากที่ลูกบอลเสียบตาข่ายในนาทีท้ายเกม ไม่ว่าจะเป็นลูกเตะมุมฟรีคิก หรือจุดโทษ หลายครั้งมันดูเหมือนโชคเข้าข้าง แต่ลึก ๆ แล้วนี่คือเรื่องของระบบ ความคิด และ DNA ของสโมสร

1. การเตรียมทีมและเครดิตอยู่ที่แท็กติก
สมัยเจอร์เก้น คล็อปป์ ลิเวอร์พูลมีโมเมนต์ชวนใจเต้นแรงแบบนี้อยู่บ่อยครั้ง แม้เหลือผู้เล่น 10 คนก็ยังตีเสมอหรือแซงชนะได้ เบื้องหลังคือการซ้อมจำลองสถานการณ์ที่อาจเกิดขึ้นจริง

ถึงยุคอาร์เน่ สล็อต ทีมไม่ได้เดินรอยตามคล็อปป์ทั้งหมด แต่แท็กติกใหม่ “Slot Ball” เล่นเกมช้าลงแต่มั่นใจมากขึ้น การตั้งรับปรับจาก 4-2-4 เป็น 4-3-3 เพื่อให้เข้ากับนักเตะใหม่ ๆ อย่าง เวิร์ตซ์, เอกิติเก้ และ อิซัค การปลุกเร้าทีมยังเป็นส่วนสำคัญที่ทำให้ผู้เล่นไม่ยอมแพ้จนกว่านกหวีดยาวจะดัง

2. ความหลากหลายในการเข้าทำ
ซีซั่นนี้ ลิเวอร์พูลยิงประตูท้ายเกมได้จากหลายรูปแบบ ทั้ง Open Play, Counter Attack, Set Piece และจุดโทษ ทำให้ไม่ว่าทีมคู่แข่งจะตั้งรับแน่นแค่ไหนก็มีทางเจาะประตูได้

ตัวอย่างเช่น เกมกับแอตฯ มาดริดมาจากเตะมุม เกมกับเบิร์นลี่ย์จากจุดโทษ และเกมกับอาร์เซน่อลจากฟรีคิก การที่ผู้เล่นคนอื่น ๆ โผล่มาเป็นฮีโร่เวลาสำคัญก็ช่วยให้ทีมควบคุมเกมจนเก็บชัยชนะได้

3. เพราะนี่คือลิเวอร์พูล
คำพูดของแฟนบอลวัยกลางคนที่ว่า “Because We are Liverpool” ฟังดูอาจโม้ แต่ก็มีหลักฐานสนับสนุน นับตั้งแต่พรีเมียร์ลีกก่อตั้ง ลิเวอร์พูลได้ประตูในนาทีทดเจ็บมากที่สุด 47 ครั้ง ตามด้วยอาร์เซน่อล 34 และแมนฯ ยูไนเต็ด 33

นี่คือ Mentality ที่ฝังอยู่ใน DNA ของสโมสร ความไม่ยอมแพ้ ไม่ว่าผู้เล่นหรือโค้ชจะเปลี่ยนไป ก็ยังคงเป็นจุดยึดเหนี่ยวเดียวกัน ทำให้ลิเวอร์พูลยังคงพังตาข่ายท้ายเกมได้อย่างต่อเนื่อง




Post a Comment

ใหม่กว่า เก่ากว่า